ธุรกิจคริปโตประเทศไทยยังไงต่อเมื่อ ก.ล.ต. สั่งห้ามโฆษณา

ธุรกิจคริปโตประเทศไทยยังไงต่อเมื่อ ก.ล.ต. สั่งห้ามโฆษณา

เป็นเวลา 1 ปีเต็มที่อุตสาหกรรมคริปโตและธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอลกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทยผู้คนหันหน้าเข้ามาเลือกลงทุนในทรัพย์สินนี้เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้รับผลตอบแทนสูงทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทอื่นเดินหน้าเข้ามาขอเป็นพันธมิตรด้วยและมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเติบโตไม่ได้เต็มที่เนื่องจากว่าในประเทศไทยยังคงมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ชี้ไปในทิศทางกันไม่สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี การลิสต์เหรียญใหม่ ล่าสุดก็คือการโฆษณา

ธุรกิจคริปโตประเทศไทยยังไงต่อเมื่อ ก.ล.ต. สั่งห้ามโฆษณา 1

กฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ในการโฆษณาลงทุนสินทรัพย์ดิจิตอล

ทาง ก.ล.ต. ได้มีการสั่งห้ามโฆษณาในที่สาธารณะรวมไปถึงห้ามให้คนดังหรืออินฟลูเอนเซอร์โฆษณาด้วย โดยให้เหตุผลว่าการโฆษณาให้คนเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ทำให้คนจำนวนมากแห่กันเข้ามาลงทุนโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง เพราะว่าการโฆษณาของบริษัทที่ประกอบธุรกิจดังกล่าวไม่ได้มีการพูดถึงความเสี่ยงในโฆษณานั้นด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทางผู้ที่ประกอบธุรกิจยังสามารถโฆษณาการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้บนช่องทางของตัวเองอย่างเช่น Facebook Page เป็นต้น

นอกจากนี้ยังขอให้ทางผู้ประกอบธุรกิจนั้นมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของการโฆษณาด้วย โดยการโฆษณานั้นจะต้องไม่บิดเบือนจากความจริง ไม่มีการปิดบังข้อมูล มีความชัดเจนและเหมาะสม ที่สำคัญผู้ประกอบธุรกิจจะต้องดูแลโฆษณาของบริษัท รวมไปถึงยกเลิกการจัดหาผู้แนะนำรายชื่อลูกค้า ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง ก.ล.ต. จะมีการเปิดรับความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นเดียวกันว่าหลักการที่ประกาศออกมานั้นดีหรือไม่ โดยสามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ที่ SEC

การออกกฏเกณฑ์ห้ามโฆษณาครั้งนี้ก็ต้องดูว่าทางผู้ประกอบการธุรกิจดังกล่าวจะมีการเดินหน้าไปในทิศทางไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคงต้องมีการคุยกันอย่างแน่นอนเพื่อหาจุดลงตัวของทั้งสองฝ่าย

ธุรกิจคริปโตประเทศไทยยังไงต่อเมื่อ ก.ล.ต. สั่งห้ามโฆษณา 2

ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยเติบโตได้ยาก

แม้ว่าการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยจะมีการเติบโตขึ้นมามากอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่การเติบโตนี้ก็ต้องหยุดชะงักเป็นช่วงช่วงเนื่องจากผู้ควบคุมดูแลในประเทศไทยมักจะออกมาแสดงความคิดเห็นที่อยู่ในด้านตรงข้ามของการเติบโตอยู่เสมอ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการพูดคุยกันเพื่อหาจุดตรงกลางที่ลงตัวแต่มันก็ไม่เคยลงตัวได้เลยสักครั้ง ซึ่งทุกปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนบางส่วนนั้นเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศแทนที่จะใช้แพลตฟอร์มในประเทศไทย และทำให้ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยเติบโตได้ช้าลงเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะเกิดปัญหาใดๆ ผู้ประกอบธุรกิจประเภทนี้ก็พร้อมที่จะสู้และพร้อมที่จะทำให้นักลงทุนในประเทศไทยเชื่อมั่นอยู่เสมอ สุดท้ายแล้วจุดตรงกลางระหว่างรัฐบาลกับผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวจะอยู่ตรงไหนเรื่องนี้ก็คงต้องเป็นเรื่องของอนาคต

ข้อมูลจาก mgrOnline

ภาพ 1 Pixabay

ภาพ 2 Pixabay

ภาพ 3 Pixabay

Facebook
Twitter

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *