ในยุคปัจจุบันนี้ มีความบันเทิงอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นหนัง ซีรี่ส์ต่าง ๆ หรือแม้แต่เกม ยุคนี้นับว่าเป็นยุคทองของเกม และแน่นอน เมื่อเป็นยุคทอง ก็ต้องมีการนำเกมมาดัดแปลงลงเป็นสื่อต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ส์หรือหนัง แต่จากที่เราเห็นกันส่วนใหญ่แล้ว เกมทําเป็นหนัง หรือหนังที่สร้างจากเกมนั้น หลายเรื่อง (ที่จริงแล้วแทบจะทุกเรื่อง) เรียกว่าไม่ประสบความสำเร็จ และทำให้แฟน ๆ เกมไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำไมโดยรวมจึงเป็นเช่นนั้น หนังจากเกม ทำไมถึงห่วย หรือส่วนใหญ่แล้วคนไม่ชอบ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
ว่าด้วยเรื่องของ หนังดัดแปลง | หนังจากเกม
ไม่ใช่แค่หนังจากเกม ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า มีอะไรบ้างที่ดัดแปลงไปเป็นหนัง ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมที่ดัดแปลงไปเป็นหนังคือ นิยายหรืองานวรรณกรรม เรื่องสั้น มังงะ หรือแม้แต่การนำการ์ตูนมาทำก็มีให้เห็น มีให้เห็นแม้กระทั่ง การรีเมคหรือเอาหนังเก่ามารีบูท เพื่อสร้างเป็นงานชิ้นใหม่ในปัจจุบัน
งานเหล่านั้นมีทั้งที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จนั้นเรียกว่ามีสูง อย่างน้อยก็เกินกว่า 50% แต่ทำไมเกมไม่เป็นแบบนั้น เรามีข้อสันนิษฐานที่ชวนให้คิดอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ ว่าทำไม หนังจากเกม ถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก
ถูกตีกรอบ
หนังจากเกมนั้นส่วนใหญ่มักจะถูกตีกรอบ ในเมื่อเกมทำออกมาในรูปแบบนี้แล้ว การจะทำให้แตกต่างออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ยาก อย่างแรกคือ เกมนั้นเป็นสื่อบันเทิงที่มีฐานแฟนสูง และฐานแฟนเหล่านั้นคาดหวังที่จะเห็นสิ่งที่พวกเขาอยากเห็น ซึ่งก็คือ ภาพฝันเหมือนในเกม นักเขียนหรือผู้กำกับหนังจะถูกตีกรอบในจุดนี้ นอกจากนี้ยังถูกเพ่งเล็งจากบรรดาแฟน ๆ มากเลยทีเดียว เพื่อตอบรับความคาดหวังนั้นที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
โลกในเกมมันกว้าง โดยเฉพาะเกม Open World
โลกในเกมนั้นค่อนข้างกว้างใหญ่ มีสิ่งมากมายให้เราทำ นอกเหนือจากเนื้อเรื่องหลักแล้ว ยังมีเนื้อเรื่องย่อยอีกมากมาย อีกทั้งยังมีสิ่งต่าง ๆ อย่างการท่องโลกกว้างเพื่อหาวัตถุดิบมาทำอะไรบางอย่าง ตัวละครแต่ละตัวมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง หากจะทำก็ทำได้ แต่น่าจะต้องกินเวลายาวนาน แบบนี้สู้ทำเป็นซีรี่ส์ไม่ดีกว่าหรือ และด้วยเรื่องราวมันเยอะ ในเกมนั้นการจะหยิบเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สามารถนำมาเล่าเป็นหนังได้ เป็นอะไรที่ทางทีมผู้สร้างหนังต้องคิดหนัก ในขณะเดียวกันหากเป็นเกม ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะผู้เล่นจะใช้เวลากว่าหลายสิบชั่วโมงกว่าเกมจะจบ
เกมก็มีวิธีการแบบเกม หนังก็มีวิธีการแบบหนัง
ข้อสังเกตสุดท้ายคือ ทั้งสองสิ่งนี้เป็นคนละอย่างกัน เป็นวิธีการเล่าเรื่องคนละแพลตฟอร์ม วิธีการเล่าที่มีความแตกต่างกัน ช่วงเวลาก็จำกัดแตกต่างกัน ในเรื่องของโครงสร้างเรื่องราวกับองค์ประกอบต่าง ๆ ของเรื่องก็แตกต่างกัน การหยิบเนื้อหาในเกมบางส่วนมาเล่าในหนังไม่สามารถที่จะทำให้ครอบคลุมได้ง่าย ๆ และแน่นอนว่า แฟนเกมไม่ถูกใจแน่ แต่ถ้าหากจะเอาใจแฟนเกมมากนัก ไม่ได้สนใจผู้คนกลุ่มอื่น ๆ เลย ท้ายที่สุดแล้วหนังก็ออกมาเจ๊งอยู่ดี สิ่งนี้เป็นบาลานซ์ที่ค่อนข้างต้องคิดหนักเลยทีเดียว
บางคนอาจจะบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะทำออกมาให้ดีก็ได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ถ้าหากคิดในมุมของผู้สร้าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหม่และค่อนข้างท้าทาย ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เวลา เราในฐานะคนดูและคนเล่นเกม ก็ได้แต่หวังว่า หากเกมต่อไปที่จะหยิบยกมาทำเป็นหนังเป็นเกมในดวงใจของเรา ทางผู้สร้างและผู้พัฒนาจะทำออกมาอย่างดี เพื่อไม่ให้เสียชื่อเกมที่เรารัก
อ่านบทความเพิ่มเติม
https://gaming-guy.com/คริปโต/
เครดิตภาพ